DATE
31.07.2020
พาลูกขึ้นเครื่องบิน มีหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะสงสัย ทั้งเรื่องการเตรียมตัวและวิธีปฏิบัติ มาดูกันว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้ายังไงบ้าง
พาลูกขึ้นเครื่องบิน มีหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัย ลูกเราขึ้นเครื่องได้หรือยัง ต้องใช้เอกสารอะไรในการจองตั๋ว ต้องแจ้งสายการบินยังไง ต้องพกอะไรติดตัวไปบ้างวันบิน ต้องเตรียมตัวล่วงหน้ายังไง มาอ่านดูกันเลยค่ะ
พาลูกขึ้นเครื่องบิน: ก่อนเดินทาง
1. เรื่องที่ต้องรู้ก่อนขึ้นเครื่อง
1.1 อายุของเด็กทารถที่สามารถพาขึ้นเครื่องได้
แต่ละสายการบินอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วกฎของแต่ละการสารบินเรื่องการอนุญาตให้เด็กทารกขึ้นเครื่องนั้นจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 14 วันขึ้นไป หมายความว่าเมื่อลูกอายุ 14 วันขึ้นไปถึงจะพาลูกขึ้นเครื่องได้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างก็อาจจะมีความยืดหยุ่นได้ บางสายการบินอาจจะอนุญาตที่ 7 วัน หรือน้อยกว่านั้นก็อนุญาตถ้าอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เช่นนี้เป็นต้น
1.2 การจองตั๋วเครื่องบินของเด็ก
การจองตั๋วให้ลูกนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถกดจองได้แบบปกติ โดยให้จองให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยเลือกเพิ่มผู้โดยสารที่เดินทางด้วย แล้วระบุว่าเป็นเด็กทารก เพื่อที่สารการบินจะได้รับทราบและมีการเตรียมตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ในวันเดินทาง แต่ถ้าลูกเป็นเด็กโตตั้งแต่ 2 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปได้ใช้วิธีนี้ไม่ได้แล้วนะคะ ต้องจองที่นั่งแยกให้ลูกค่ะ
1.3 ค่าโดยสารของเด็กทารก
ถ้าลูกยังเป็นเด็กทารกซึ่งสามารถอนุโลมให้นั่งตักของผู้ปกครองในการเดินทางได้ สายการบินอาจจะเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่ถ้าเด็กมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปก็จะเก็บค่าโดยสารแบบปกติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ค่ะ
1.4 เอกสารที่ใช้ในการเช็กอินขึ้นเครื่องบิน
- ผู้โดยสารที่เป็นเด็กทารกอายุตั้งแต่ 14 วัน แต่ไม่ถึง 7 ปีบริบูรณ์ ในวันเดินทาง ใช้ใบสูติบัตรฉบับจริง หรือพาสปอร์ตในการเช็คอิน
- ผู้โดยสารอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ ในวันเดินทาง ใช้ใบสูติบัตรฉบับจริง หรือบัตรประชาชนเด็ก หรือพาสปอร์ตในการเช็คอิน
แน่นอนว่าถ้าเป็นการเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องมีทั้งสูติบัตรตัวจริงและพาสปอร์ต รวมทั้งวีซ่าของประเทศปลายทางเหมือนผู้ใหญ่ทั่วไป
2. แจ้งสายการบินก่อนล่วงหน้า
ย้ำกันอีกรอบนะคะว่า แม้ว่าจะมีสายการบินที่ไม่คิดค่าโดยสารเด็กทารก และแม้ว่าสุดท้ายแล้วลูกจะนั่งตักเรา อยู่ในอ้อมแขนเราตลอดการเดินทาง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับที่นั่งบนเครื่องใดๆ แต่การอุ้มลูกไปขึ้นเครื่องเลยในวันจริงนั้นไม่สามารถทำได้ ต้องแจ้งให้สายการบินทราบตอนที่เราจองตั๋วที่นั่งของตัวเองค่ะว่าเราจะพาเด็กทารกเดินทางไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการยุ่งยากมาก อาจจะต้องมาเปลี่ยน Boarding Pass ที่ Gate ไม่ควรทำค่ะ บอกล่วงหน้าดีที่สุด
3. ให้ลูกพักผ่อนมากๆ ก่อนเดินทาง โดนเฉพาะเมื่อต้องเดินไฟลต์ยาวๆ
ให้แน่ใจว่าลูกน้อยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนการเดินทางนะคะ เมื่อลูกน้อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จะมีอาการงอแงน้อยลง และจะสามารถทนต่อสถานการณ์แปลกใหม่ได้มากกว่า ถ้าลูกน้อยรู้สึกง่วงนอนหรือเหนื่อยอ่อน อาจจะเกิดอาการงอแงขึ้นได้ง่ายเมื่อรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทาง หรือเมื่อต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
4. เตรียมตัวให้พร้อม
- ถ้าคุณแม่คนไหนที่ยังต้องให้นมลูก คุณแม่ก็ต้องแต่งตัวให้สะดวกกับการให้นมลูก บนเครื่องด้วยการสวมเครื่องแต่งกายที่สะดวกและเหมาะสม
- ถ้าหากลูกกินนมชง คุณแม่สามารถเตรียมนมและอาหารเด็กไปด้วย เพราะสายการบินจะไม่มีการเตรียมในส่วนนี้ให้เรา ตามกฏของสายการบินนั้น ของเหลวหรือนมที่พกพาไปต้องไม่เกิน 100 ml. ต่อชิ้น
- นอกจากนี้ก็ต้องเตรียมการแต่งกายของคุณลูกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ คิดเผื่อว่าหากบนเครื่องอากาศเย็นเกินไป ต้องเตรียมเสื้อผ้าที่ทำให้ลูกรู้สึกอุ่น อย่าลืมพกผ้าอ้อมไปเผื่อด้วย
- ถ้าลูกโตพอที่จะสามารถเล่นของเล่นได้ ให้เลือกของเล่นที่จะไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ให้ผูกของเล่นไว้กับข้อมือคุณแม่ก็ได้นะคะ ถ้าลูกทำของเล่นตก คุณแม่จะได้ไม่ต้องก้มลงไปเก็บบ่อยๆ เพราะอยู่บนเครื่องรัดเข็มขัดอยู่อาจจะขยับตัวลำบาก
5. เลือกรถเข็นเด็ก/เป้อุ้มเด็กที่เหมาะสม
แน่นอนว่าจะเดินทางไปเที่ยวกับลูกน้อยจะขาดรถเข็นเด็กไปไม่ได้ เพราะเป็นการยากมากที่คุณจะอุ้มลูกเดินไปเดินมาได้ในตลอดทริป ในที่สุดแล้วก็มีรถเข็นช่วยทุ่นแรง แล้วช่วยให้ลูกได้เปลี่ยนบรรยากาศไปด้วยในตัวจะดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ยังไม่มีรถเข็นเด็ก ควรจะซื้อติดบ้านไว้ ไม่ใช่แค่เพราะมีทริปต้องไปเที่ยวเลยต้องซื้อนะคะ แต่รถเข็นเด็กเล็กสามารถเก็บไว้ใช้ในถูกสถานการณ์ จะไปเดินห้างไป ไปเที่ยวสวนสนุกก็สามารถใช้ได้เหมาะสมดี
รถเข็นเด็กเล็กนั้นสามารถเช็คอินแล้วโหลดขึ้นเครื่องพร้อมกระเป๋าเดินทางของเราได้เลย แต่ถ้าอยากจะใช้รถเข็นจนถึงที่หน้า Gate ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยที่เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องจะหน้าที่จะเป็นคนเอารถเข็นของเราไปเก็บใต้ท้องเครื่องให้ และนำออกมาให้เราอีกครั้งเมื่อเราแลนดิ้งถึงจุดหมายปลายทาง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวการโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องที่ต้องรู้ไว้
สำหรับใครที่คิดว่าการโหลดรถเข็นเด็กนั้นยุ่งยากเกินไป ไม่อยากจะพกพาไปด้วย การใช้เป้อุ้มเด็กก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้ ไม่ต้องมีการโหลดอุปกรณ์ใดๆ ขึ้นเครื่องให้ยุ่งยาก ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับลูกด้วยว่าจะชอบแบบไหน คุณพ่อคุณแม่ควรจะซื้อรถเข็นเด็กและเป้อุ้มเด็กมาลองใช้กับลูกก่อน เช่น ลองให้ลูกนั่งรถเข็นเด็กเพื่อดูว่าลูกโอเคไหม หากต้องนั่งอยู่ในรถเข็นนานๆ (หรือต้องอยู่ในเป้อุ้มเด็กนานๆ) ไม่ควรซื้อมาเพื่อใช้ครั้งแรกในวันเดินทางทันที
พาลูกขึ้นเครื่องบิน: วันเดินทาง
6. ข้อปฏิบัติในการเดินทางและเรื่องที่ควรรู้
6.1 การใช้รถเข็นเด็ก
อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้น สายการบินจะอนุญาตให้ใช้รถเข็นเด็กได้จนถึงแค่หน้า Gate หรือประตูเครื่องบินเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมาเก็บไปโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นสิทธิ์สำหรับผู้โดยสารเด็กหรือทารก
แต่ทั้งนี้ถ้าเป็นรถเข็นเด็กแบบพับได้ ที่มีขนาดและน้ำหนักไม่เกินตามที่กำหนด จะสามารถนำขึ้นเครื่องไปด้วยได้ (เฉพาะบางสายการบิน บางสายการบิน เช่น สายการบินแบบประหยัดนั้นอาจจะไม่อนุญาต) โดยมากแล้วไม่ค่อยมีใครนำขึ้นเครื่องกันค่ะ เพราะอยู่บนเครื่องก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดี พื้นที่ก็มีจำกัดมาก การนำขึ้นเครื่องจะเป็นการลำบากมากกว่าทำให้สะดวก หลายคนก็ใช้แค่ถึงที่หน้าประตูเครื่องบินกันแค่นั้น
อ่านเพิ่มเติม: 5 เรื่องเกี่ยวกับการโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องที่ต้องรู้ไว้
6.2 โควตาน้ำหนักสัมภาระ
เด็กทารกจะไม่ได้รับโควตาน้ำหนักสัมภาระ อย่างไรก็ตามสามารถโทรสอบถามสายการบินหรือเช็คบนเว็บไซต์ของสายการบินดู กฎของแต่ละสายการบินอาจจะไม่เหมือนกัน
6.3 เบาะนั่งของลูกบนเครื่องบิน
สายการบินส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินลำใหญ่ จะมีเปลไว้อำนวยความสะดวกสำหรับเด็กทารก รวมทั้งมีที่นั่งคาร์ซีตให้สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 2 ขวบและมีการเสียค่าโดยสารแบบผู้ใหญ่
6.4 การเปลี่ยนผ้าอ้อมบนเครื่อง
โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมนั้นมีให้บริการในห้องน้ำทุกสายการบิน และทุกเที่ยวบินค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถสอบถามลูกเรือถึงตำแหน่งของโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมได้
7. บอร์ดดิ้งเป็นคนท้ายๆ จะดีกว่า
หากอิงตามที่สายการบินประกาศ แน่นอนว่าการเดินทางกับเด็กเล็กจะสามารถทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถบอร์ดดิ้งก่อนใครเพื่อนได้ แต่ถ้าเครื่องบินโดยสารนั้นใหญ่มาก ก็ต้องมีการบอร์ดดิ้งผู้โดยสารกันเป็นชั่วโมง ทำให้บางครั้งนั้นการเข้าไปหลังสุดอาจจะดีกว่าการเข้าไปก่อน เพราะการเข้าไปก่อนแล้วต้องนั่งเบื่ออยู่นานๆ อาจจะทำให้ลูกยิ่งงอแงกว่าเดิม แต่จริงๆ แล้วข้อนี้ก็ต้องแล้วแต่กาพิจารณาของคุณพ่อคุณแม่ด้วย ถ้าหากคิดว่าการขึ้นเครื่องก่อนนั้นโอเคกว่าก็ขึ้นเครื่องก่อนได้เลย
8. เตรียมตัวเมื่อลูกต้องเจอความดันอากาศเปลี่ยน
เมื่อความดันเปลี่ยนหลังเครื่องเทคออฟ ลูกน้อยอาจจะมีอาการหูอื้อเกิดขึ้น ให้เตรียมขวดนมหรือน้ำดื่มให้ลูก เพราะการกลืนน้ำจะช่วยให้อาการบรรเทาลง
สรุป
การพาลูกขึ้นเครื่องครั้งแรกอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวล เกรงว่าลูกจะไม่ได้รับความสะดวก เกรงว่าจะรบกวนผู้โดยสารคนอื่น กลัวเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ความกังวลเหล่านี้จะหมดไป เมื่อได้เริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ค่ะ เพราะไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเกินไปถ้าเรามีความพร้อม ดังนั้นอย่าลืมเริ่มวางแผนกันแต่เนิ่นๆ นะคะ ถึงวันจริงจะได้โฟกัสที่การดูแลลูกอย่างเดียว ไม่ต้องวุ่นวายกับการทำความเข้าใจกฎใดๆ ของสนามบินอีก