DATE
17.07.2024
คาร์ซีท (Car seat) หรือ เบาะนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ในการผลิตในปัจจุบันมีการกำหนดกฎระเบียบและมาตรฐานการออกแบบขึ้น โดยมีการทดสอบความปลอดภัยและการจำลองอุบัติเหตุ ก่อนทำการจำหน่ายจริง และการผลิตต้องเปป็นไปตามมาตรฐาน ข้อบังคับ 2 มาตรฐานและข้อบังคับด้านความปลอดภัยล่าสุดของยุโรป ECE
มาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards) ของคาร์ซีท คืออะไร
ข้อกำหนดและกฎระเบียบที่บังคับใช้กับการออกแบบ การผลิต การทดสอบ และการติดตั้งคาร์ซีท โดยวัตถุประสงค์หลักของของมาตรฐานเหล่านี้ เพื่อปกป้องเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสาหัส หรือ เสียชีวิต ของเด็ก ในกรณีเกิดอุบัติเหตุได้ ,สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ช่วยให้ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่า เลือกคาร์ซีทที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยอย่างแน่นอน และยังช่วยส่งเสริม กระตุ้นให้ผู้ผลิตคาร์ซีท พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ในประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรม มีประกาศมาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีทที่นำเข้ามาขายนั้น จะต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
มีมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทที่ใช้บังคับอยู่ 2 มาตรฐานหลัก คือ
- มาตรฐาน ECE R44/04
เป็นมาตรฐานเก่าที่ใช้มานานแล้ว โดยจะกำหนดให้เด็กเล็ก ที่มีส่วนสูงไม่เกิน 150 ซม. หรือหนักไม่เกิน 36 กิโลกรัม ต้องใช้คาร์ซีทตลอดเวลาที่โดยสารไปกับรถ แบ่งคาร์ซีทออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- Infant car seat: สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ
- Toddler car seat: สำหรับเด็ก 1 ขวบถึง 4 ขวบ
- Convertible car seat: ปรับเปลี่ยนได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะและหันหน้าออกจากเบาะ สำหรับเด็กแรกเกิดถึง 4 ขวบ
- Booster seat: เบาะรองนั่งสำหรับเด็กโต อายุ 4 ขวบขึ้นไป
- มาตรฐาน ECE R129 (i-Size)
เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่มีความปลอดภัยสูงกว่ามาตรฐาน ECE R44/04 กำหนดให้เด็กนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rearward Facing) ให้นานที่สุด หรือ หันหน้าเข้าหาเบาะรถตลอดเวลา
เนื่องจากการให้เด็กหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์นั้น ปลอดภัยกว่าหันหน้าไปด้านหน้ารถ หากเกิดอุบัติเหตุ จะช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บได้มาก
ได้มีการแบ่งแยกคาร์ซีท แยกตามส่วนสูงของเด็ก จะเดิมเป็นมาตรฐาน ECE R44/04 ที่จะแบ่งตามน้ำหนักของเด็ก ซึ่งจะไมาสามารถกำหนดขนาดตัวของเด็กให้เหมาะสมกับคาร์ซีทได้ นอกจากนี้ยังมีระบบ ISOFIX และ Top Tether สำหรับการติดตั้งคาร์ซีทที่มั่นคงยิ่งขึ้น
ECE R44 และ ECE R129 แตกต่างกันอย่างไร
เบาะนั่งนิรภัย หรือ คาร์ซีท ถูกผลิตขึ้นมาหลายรุ่น หลายขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของตัวเด็ก จึงมีการกำหนดมาตรฐานหรือกฎข้อบังคับขึ้น เพื่อรองรับความแตกต่างและประเภทของคาร์ซีท
โดย แบ่งเป็น 2 มาตรฐาน หลักๆ คือ ECE R44/04 และ ECE R129 (i-Size) ซึ่งความแตกต่างของแต่ละมาตรฐาน เปรียบเทียบได้ ดังนี้
การทดสอบ | ECE R44/04 | ECE R 129 (i-SIZE) |
การทดสอบการชน
|
|
|
การทดสอบการชนหุ่นจำลองนั่งบนคาร์ซีท |
|
|
การทดสอการติดตั้งคาร์ซีทขณะการเดินทาง |
|
Rearward Facing จนอายุ 15 เดือนขึ้นไป |
การทดสอบอุปกรณ์การติดตั้งคาร์ซีท |
|
|
การแบ่งกลุ่มหรือประเภทของคาร์ซีท | แบ่งตามอายุและน้ำหนักของเด็ก เช่น
|
แบ่งตามอายุและความสูงของเด็ก เช่น
|
จะเห็นได้ว่า มาตรฐานและข้อบังคับของ ECE R129 (i-SIZE แบบใหม่) มีข้อแตกต่างกันจาก ECE R44/04 (แบบเดิม) คือ
- ความเข้ากันกับเบาะรถยนต์
คาร์ซีทตามมาตรฐาน ECE R129 (i-Size) จะถูกออกแบบมาให้พอดีกับเบาะในรถยนต์ที่ผ่านการรับรอง
- คาร์ซีทติดตั้งง่ายขึ้น
เนื่องจากถ้ามีการติดตั้งที่ซับซ้อนเกินไป อาจทำให้าคาร์ซีทอยู่ในตำแหน่งไม่เหมาะสมและยึดไม่พอดีกับเบาะรถยนต์ได้
- เน้นการหันหน้าคาร์ซีทเข้าหาเบาะ
เน้นให้คาร์ซีทแบบ ECE R129 (i-Size) หันหน้าหน้าเด็กไปทางด้านหลัง เพื่อช่วยลดความรุยแรงที่เกิดจากการชนได้
- ทำให้การจำแนกประเภทง่ายขึ้น
จากมาตรฐานเดิม ที่จำแนกประเภทตามนำหนักของตัวเด็ก ซึ่งอาจมีความสูงต่างกัน การวัดขนาดส่วนสูงของตัวเด็กจึงสามารถระบุประเภทของคาร์ซีทได้เหมาะสมมากกว่าน้ำหนัก
- ทำให้คาร์ซีทปลอดภัยยิ่งขึ้น
Babyhills เรานำเข้าสินค้าที่มีมาตรฐาน จากการทดสอบที่เข้มงวด ไม่ว่าจะเป็น การทดสอบการชนและการกระแทกจากทุกทิศทาง ,การทดสอบการการชนด้วยความเร็วทุกระดับและทดสอบตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุด ทำให้มั่นใจว่า
คาร์ซีทที่ผลิตตามมาตรฐานใหม่ จะปลอดภัยมากขึ้น การทดสอบที่มากขึ้น นอกจากเป็นการปรับปรุงข้อเสีย และแก้ไขจุดบกพร่องแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้งาน ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฟัน คาร์ซีทจะช่วยปกป้องลูกน้อยของเราได้