DATE
15.08.2021

Baby Hills Thailand จะพาทุกท่านมารู้จักและทำความเข้าใจกับ ‘เบบี้บลู’ หรือ ‘มาม่าบลู’ ว่าอาการเป็นยังไง มีวิธีการแก้ไขและดูแลตัวเองยังไง
รู้กันหรือไม่ว่าอาการ ‘The Baby Blues’ หรือ ‘มาม่าบลู’ นั้น คืออาการอะไร และแบบไหนที่เรียกว่าเบบี้บลู หรือแบบไหนที่เรียกว่าเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หลายคนอาจจะไม่เคยรู้จักคำ ๆ นี้ แต่สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวเป็นว่าที่คุณแม่มือใหม่ อาจจะเคยได้ยินประสบการณ์จากคนรอบตัวเกี่ยวกับสภาวะเหล่านี้มาบ้าง วันนี้ Baby Hills Thailand จะพาทุกท่านมารู้จักและทำความเข้าใจกับ ‘เบบี้บลู’ หรือ ‘มาม่าบลู’ ว่าอาการเป็นยังไง มีวิธีการแก้ไขและดูแลตัวเองยังไง
เบบี้บลู หรือ The Baby Blues คืออะไร?
The Baby Blues หรือภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกได้ถึง 30-75% เรียกว่าเป็นอัตราส่วนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ภาวะอารมณ์หม่นเศร้านี้อาจจะทำให้คุณแม่มีอารมณ์ที่อ่อนไหวกว่าปกติ เช่น รู้สึกเศร้า คิดมาก ฟุ้งซ่าน และร้องไห้มากกว่าปกติ สาเหตุก็มาจากเรื่องของฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ที่แปรปรวน ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงกับอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมการแสดงออก คุณแม่ที่อยู่ในสภาวะที่จิตใจไม่มั่นคงเช่นนี้ อาจจะกังวลไปว่าจะไม่สามารถเลี้ยงลูกให้ดีได้ จะไม่สามารถเป็นคุณแม่ที่ดีได้ เป็นต้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฮอร์โมนจะกลับเข้าที่และเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ อารมณ์เศร้าต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นได้เอง ยิ่งมีกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้างก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะหายจากอาการเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพบแพทย์
ลักษณะของอาการโดยทั่วไปของ ‘เบบี้บลู’
ลักษณะของอาการนั้น หากจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คงจะเป็นลักษณะคล้ายกับอารมณ์แปรปรวนของคุณผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน หรือคุณผู้หญิงวัยกะรัตหรือวัยทองที่เริ่มหมดประจำเดือน ที่คล้ายคลึงนั่นก็เพราะว่าเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของฮอร์โมนเหมือนกัน
ในช่วงที่มีอาการ ‘เบบี้บลู’ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวนั้นจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ใหญ่โต มีผลกระทบกับอารมณ์ของเราไปเสียหมด เดี๋ยวหงุดหงิด เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวน้อยใจ รู้สึกสับสนคิดมากเกินกว่าปกติ อาจมีภาวะเครียดจนทำให้นอนไม่หลับ ไม่มีความสุข หรือมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ กังวลว่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้ กังวลกับอนาคต เป็นต้น ซึ่งเมื่อคุณแม่ต้องเผชิญกับอาการเหล่านี้ แล้วหากคนรอบข้างไม่พยายามทำความเข้าใจภาวะเหล่านี้แล้วล่ะก็ อาจจะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง จะยิ่งทำให้อาการแย่ลง
สำหรับคุณพ่อหรือคนรอบตัวที่กำลังเผชิญกับคุณแม่มือใหม่ที่มีอาการเบบี้บลู หรือมาม่าบลู ตรงนี้อาจจะต้องใช้ความเข้าใจและค่อย ๆ พูดจาหารือกันด้วยเหตุผลให้มาก ต้องระลึกไว้ว่าคุณแม่ไม่ได้เป็นเช่นนี้อยากแสดงออกด้วยพฤติกรรมเหล่านี้เลย แต่เหตุนั้นเกิดจากฮอร์โมนที่ส่งผลโดยตรงกับสมอง ทำให้คุณแม่ตกอยู่ในภาวะดังกล่าว ควรปฏิบัติและพูดคุยกับคุณแม่ด้วยท่าทีที่ปลอบประโลม รวมทั้งการให้กำลังใจที่เป็นเรื่องสำคัญ
เบบี้บลูต่างกับโรคซึมเศร้าหลังคลอดหรือไม่?
เบบี้บลูเป็นภาวะเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนที่เกิดขึ้นได้เองและจะสามารถดีขึ้นได้เอง แต่แน่นอนว่าต้องอาศัยความเข้าใจและกำลังใจจากคนรอบข้างช่วยเสริมด้วย คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นได้ภายในสองสัปดาห์ แต่หากดูท่าว่าอาการมีแต่จะรุนแรงขึ้น หรือกินระยะเวลาเกินไปกว่านี้ อาจวินิจฉัยใหม่ (โดยแพทย์) ว่าเป็นภาวะโรคซึมเศร้าหลังคลอด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Postpartum Depression ซึ่งหากเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจจะต้องมีการพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา ร่วมกันหาทางออกว่าจะมีแนวทางในการดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาวะที่ดีได้อย่างไร หรืออาจมีการทำจิตวิทยาบำบัดควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน
วิธีการดูแลคุณแม่ เมื่อมีอาการ ‘มาม่าบลู’
วิธีดูแลคุณแม่ เมื่อมีอาการ ‘มาม่าบลู’ นั้น มีหลายวิธีด้วยกัน หลัก ๆ นั้นจะเริ่มต้นที่การดูแลตนเอง (self-care) และการจัดการกับความเครียด (stress management) ตัวอย่างวิธีการดูแลคุณแม่ที่มีอาการเบบี้บลู เช่น
• การพูดคุยกับคุณแม่คนอื่น ๆ
ในช่วงที่อยู่เดือน คุณแม่จะออกบ้านน้อยมาก ยิ่งสถานการณ์ที่มีโรคระบาด Covid-19 ยิ่งทำให้ยากที่จะออกไปพบปะผู้คน (บทความนี้เขียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564) ดังนั้นการพูดคุยอาจเป็นในลักษณะของวิดีโอคอลก็ได้ การได้พูดคุยกับคุณแม่คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่มือใหม่เหมือนกัน หรือคุณแม่ที่มีประสบการณ์มาก่อน ก็ล้วนเป็นการช่วยทำให้ได้มุมมองใหม่ ๆ ในหลายมิติมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการระบายความเครียดอีกแบบหนึ่ง
• เข้าใจตัวเองและสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ
เมื่อเกิดความเครียดหรือคิดมากขึ้นมา เราควรที่จะรู้ตระหนักเป็นอันดับแรกว่าเราคิดมากเรื่องอะไร เป็นอารมณ์แบบไหน มีสาเหตุมาจากอะไร เป็นสิ่งที่เราแก้ไขได้ไหม หรือเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ไหม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องถามตัวเอง เพราะจะได้ทำความเข้าใจและหาแนวทางหรือวิธีคิดที่จะรับมือกับความคิด ความกังวล ความกดดันต่าง ๆ ที่รบกวนจิตใจ การเข้าใจและให้กำลังใจตนเองคือเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับอารมณ์เศร้า
• อย่าคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว
เมื่ออยู่ภาวะอารมณ์เศร้า จะทำให้ฟุ้งซ่านได้ง่าย เกิดอารมณ์น้อยใจในเรื่องที่ปกติไม่เคยคิดมาก่อน และบางคนก็รู้สึกโดดเดี่ยว คิดว่าไม่มีใครเข้าใจ ให้จำเอาไว้ว่าไม่จริง เพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่คนไทยด้วยกัน แต่คุณแม่ทั่วโลก ล้วนมีความกดดันและกังวลกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลังคลอดกันทั้งนั้น การระลึกได้ว่าทุกคนย่อมเคยผ่านช่วงเวลาเช่นนี้ จะทำให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยว และมีกำลังใจที่จะฮึดสู้และลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
• พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลทารกน้อยที่เป็นคนสำคัญและเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ แต่อย่าลืมว่าตนเองก็เป็นคนที่ควรได้รับการใส่ใจเช่นกัน อย่าดูแลลูกอย่างเดียวจนลืมดูแลตนเอง ควรหาเวลาพักผ่อนให้มากขึ้น หากเวลานอนน้อยลงเพราะเลี้ยงลูก อาจหาเวลางีบหลับเอาแรงในช่วงกลางวันบ้างก็ยังดี หลีกเลี่ยงแอลกฮอล์และสารเสพติดต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลทำให้อารมณ์แกว่งมากขึ้นกว่าเดิม
• หาเวลาออกไปเดินออกกำลังเบา ๆ บ้าง
หากิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียดเบา ๆ ทำ และหากเป็นไปได้ก็อย่าอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้านเสียบ้าง ธรรมชาติจะช่วยเยียวยาจิตใจที่ห่อเหี่ยว คุณจะมีความรู้สึกสดชื่นขึ้น ช่วยลดความกังวลและความเศร้า อย่าลืมว่าการออกกำลังกายมีผลกับฮอร์โมน และฮอร์โมนก็มีผลกับอารมณ์และความคิดของคุณ
อ่านต่อ: ลดหุ่นหลังคลอดได้ง่าย ๆ ด้วย 4 วิธีลดน้ำหนักหลังคลอดดังต่อไปนี้!
สรุป
อาการ ‘มาม่าบลู’ หรือ ‘เบบี้บลู’ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ทุกคน สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มสังเกตอาการให้เร็ว ทั้งตัวคุณแม่สังเกตตัวเอง และคนรอบข้างก็ควรใส่ใจและสังเกตด้วย เพื่อไม่ให้อาการเหล่านี้ลากยาวนานต่อเนื่องจนเรื้อรังและกลายเป็นโรคซึมเศร้า
สำหรับคุณแม่คนไหนที่อยู่บ้านแล้วต้องเลี้ยงลูกไปด้วย ในขณะที่ทำงานบ้านไปด้วย อย่าลืมใช้เป้อุ้มเด็กเพื่อช่วยให้สามารถอุ้มลูกในท่าทางที่ถูกต้องเหมาะสม วัสดุปลอดภัยทั้งกับคุณแม่ที่ต้องดูแลแผลผ่าตัดและสรีระของคุณลูก
Baby Hills Thailand ตระหนักและใส่ใจถึงเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้านำเข้าของเรามาเป็นอันดับหนึ่ง เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเฉพาะแบรนด์ที่เราไว้ใจ ศึกษามาแล้วว่าได้มาตรฐานแน่นอนอย่าง HARMAS คลิกเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ HARMAS Hip Seat Carrier