DATE
09.10.2020

ปัจจุบันที่รถเข็นเด็กถูกผลิตออกมามากมายหลายยี่ห้อ แถมยังถูกผลิตออกมาหลายแบบ เราพามาดูวิธีเลือกซื้อรถเข็นเด็กให้ได้ของที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และใช้งานได้นานกัน
ไม่ว่าจะเพื่อเป็นการพาเจ้าตัวเล็กออกไปชมวิวเล่นรอบหมู่บ้าน ไปเดินห้าง ไปสวนสนุก หรือไปท่องเที่ยว รถเข็นเด็กเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทุ่นแรงคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละครอบครัวจะมีเจ้ารถเข็นเด็กติดบ้านกัน
ในปัจจุบันที่รถเข็นเด็กถูกผลิตออกมามากมายหลายยี่ห้อ แถมยังถูกผลิตออกมาหลายแบบ ทำให้การเลือกซื้อรถเข็นเด็กสักคันเป็นเรื่องที่ต้องคิดพิจารณากันให้ดีไม่แพ้การซื้ออุปกรณ์อื่นๆ แล้วถ้าหากจะซื้อ จะเลือกยังไงให้เหมาะสม ปลอดภัย และทนทานใช้งานได้นาน เรามีคำตอบให้คุณค่ะ
โดยในบทความนี้จะแบ่งหัวข้อที่ต้องพิจารณาเป็น 3 เรื่องด้วยกัน ดังต่อไปนี้:
- วิธีเลือกรถเข็นเด็ก ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
- ประเภทของรถเข็นเด็ก
- ข้อควรระวังในการใช้งาน

1. วิธีเลือกรถเข็นเด็ก ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
นอกจากเรื่องพื้นฐานอย่างการพิจารณาตามราคา ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวและการใช้งาน มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้รถเข็นเด็กที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
1.1 ใช้กับเด็กแรกเกิดได้ไหม
ไม่ใช่รถเข็นเด็กทุกคันที่จะสามารถใช้กับเด็กทารกแรกเกิดได้ ถ้าหากว่ากำลังมองหาคุณสมบัตินี้ในตัวรถเข็นเด็กก็ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเด็กแรกเกิดสามารถใช้ได้ โดยแบบที่เด็กแรกเกิดสามารถใช้ได้นั้นต้องสามารถปรับเบาะให้หลังขนานไปกับพื้นหรือเป็นท่านอนได้ ทั้งนี้เพราะทารกที่อายุต่ำกว่า 5-6 เดือนไม่ควรอยู่ในท่านั่ง เพราะกล้ามเนื้อยังไม่ถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์
นอกเหนือจากเรื่องของการปรับเบาะ รถเข็นเด็กยังต้องมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่จำเป็นที่สามารถถอดเข้าออกได้ ควรสอบถามเรื่องนี้กับพนักงานขายให้แน่ใจ
1.2 การออกแบบภายนอกที่คำนึงถึงความปลอดภัย
การออกแบบภายนอกนั้นต้องมั่นใจว่าไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อย ไม่ว่าในแง่ใด ไม่โคลงเคลง ดูมั่นคงแข็งแรง วัสดุไม่แหลมคม หรืออาจเป็นอันตรายกับลูกได้ นอกจากนี้การออกแบบยังต้องคำนึงถึงสรีระของลูกน้อย ไม่ทำให้นั่งแล้วไม่สบายตัวหรือเมื่อย
1.3 สายรัดและตัวล็อคที่แน่นหนา
สายรัดและตัวล็อคเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ต้องเช็คให้ดี สายรัดควรรัดเอว ระหว่างขาและไหล่ของลูก ตัวล็อคต้องมีความพอดี แน่นหนาพอที่จะไม่หลุดออกง่าย แต่ก็ต้องไม่รู้สึกแน่นหนาจนทำให้ถอดออกยากเมื่ออยู่ในยามฉุกเฉิน
1.4 ระบบเบรกเป็นยังไง
รถเข็นเด็กนั้นมีระบบเบรก 2 แบบคือ เบรกมือและเบรกเท้า ซึ่งความแตกต่างจะอยู่ที่เบรกมือ (Hand Break) จะสะดวกและใช้งานทันท่วงทีกว่าเบรกเท้า รถเข็นเด็กที่เหมาะสำหรับจ็อคกิ้งล้วนมีเบรกระบบมือ เพราะทำให้สามารถเบรกได้อยู่รวดเร็ว ควบคุมความเร็วได้ทันที
ก่อนซื้อควรตรวจสอบให้เลือกให้ดีว่ารถเข็นเด็กที่เลือกซื้อเป็นแบบไหน และควรมีการทดสอบระบบเบรกว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ ตรวจเช็คคุณสมบัติอย่างเบรก นอกจากนี้ยังต้องดูว่าเมื่อจอดรถเข็นบนทางลาดชันแล้วรถเข็นไม่ไหล

1.5 การทำความสะอาด สามารถซักได้ไหม
เมื่อมีการใช้งานก็หลีกเลี่ยงรอยเปื้อนไปไม่ได้เลย ดังนั้นต้องศึกษาเรื่องนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ ว่าวัสดุแต่ละจุดนั้นต้องทำความสะอาดยังไง ส่วนที่เป็นเนื้อผ้าสามารถถอดมาซักในเครื่องซักผ้าได้ไหม ส่วนที่ไม่ใช่ผ้าต้องถอดมาทำความสะอาดยังไง ต้องคิดเผื่อเอาไว้ล่วงหน้า
1.6 ที่จับรถสามารถปรับระดับได้ไหม
นอกจากความแข็งแรงหรือถนัดมือของที่จับรถ คุณสมบัติที่ควรพิจารณาคือแฮนด์บาร์แบบปรับระดับได้ ซึ่งจะทำให้สะดวกสบายสำหรับทุกคนที่ใช้งาน เพราะแต่ละคนที่มาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ดูแลคนอื่นๆ แต่ละคนย่อมมีความสูงและความถนัดมือที่แตกต่างกันออกไป
1.7 ความแข็งแรงของล้อ
เรื่องล้อรถนี่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุดของการเลือกรถเข็นเด็ก เพราะระบบล้อคือส่วนที่จะช่วยให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ถ้าระบบล้อพังส่วนอื่นก็ไม่มีความหมาย ดังนั้นเรื่องล้อก็คือส่วนสำคัญที่ห้ามมองข้าม ต้องสอบถามให้เข้าใจว่าล้อรถเข็นนั้นทนทานความสมบุกสมบันได้ในระดับไหน เพราะล้อแต่ละแบบอาจออกแบบมาให้ทนทานได้ไม่เท่ากัน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ควรเลือกรถเข็นเด็กที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับพื้นผิวขรุขระหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ด้วย เช่น รถเข็นเด็กจาก Mountain Buggy ที่ใช้หลักการออกแบบทางวิศวกรรมและผ่านการทดสอบมาตรฐานยุโรปแล้วว่า สามารถใช้ได้แม้แต่กับกิจกรรมสมบุกสมบันอย่างการขึ้นภูเขา
1.8 สามารถพับได้อย่างสะดวกไหม
แน่นอนว่าลูกน้อยไม่สามารถอยู่แต่บนรถเข็นได้เป็นเวลานานๆ ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องอุ้ม หรือออกมาเดินเล่นกันบ้างในที่สุด ดังนั้นรถเข็นเด็กจะต้องสามารถพับได้ และถ้าจะให้ได้ยังต้องสามารถพับได้ง่ายดายไม่ยุ่งยาก
READ ASLO: 5 เรื่องเกี่ยวกับการโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องที่ต้องรู้ไว้
1.9 ที่บังแดด-ฝน
รถเข็นเด็กต้องมี Canopy หรือที่บังแดดบังลมฝนเพื่อป้องกันแดด หรือฝุ่นละอองให้ลูก ตัวที่บังแดดอาจสามารถปรับระดับและรูปแบบได้หลายแบบ ที่สำคัญคือเมื่อเอาที่บังแดดลงจนสุดแล้ว ควรที่จะยังมีส่วนที่ See-through ที่ช่วยให้เราสามารถมองเห็นลูกน้อยได้
1.10 น้ำหนักของรถเข็นเด็ก
รถเข็นที่ดีไม่ควรที่จะมีน้ำหนักน้อยจนเกินไป แม้ว่าจะมีรถเข็นแบบ Lightweight ที่ทำมาให้เหมาะกับการเดินทางโดยเฉพาะ แต่เมื่อเป็นการใช้งานโดยทั่วไปในระยะยาวแล้วนั้น ควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีโครงสร้างที่มั่นคง ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานเพียงพอที่จะรับน้ำหนักของเด็กได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนรถเข็นคันใหม่บ่อยๆ
1.11 ส่วนเสริมอื่นๆ
ยังมีส่วนเสริมสำหรับรถเข็นเด็กอื่นๆ อีกมากมายที่อาจไม่มีผลกับความปลอดภัย และมีความสำคัญลำดับรองๆ ลงมา ซึ่งการเลือกจากปัจจัยเหล่านี้ก็อาจจะแล้วแต่ดุลยพินิจของคุณพ่อคุณแม่ เช่น
- ตะกร้ารถเข็น
- ที่ติดของเล่น
- ที่ว่างขนมและน้ำ
- ที่เหยียบด้านหลัง (ในกรณีที่มีลูกคนที่สอง หรือลูกไม่อยากนั่งในบางช่วงเวลา ที่เหยียบด้านหลังที่เป็นแบบ Original Build-In จะแข็งแรง ปลอดภัย และรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าที่เหยียบที่ใช้ Connector ในการต่อ)

ประเภทของรถเข็นเด็ก
ประเภทของรถเข็นเด็กนั้นไม่ได้มีประเภทตายตัวนัก เพราะสามารถแบ่งออกได้หลายแบบ เช่น แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน หรือจะแบ่งออกตามการออกแบบและใช้งานก็ได้ ตัวอย่างการออกแบบตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ได้แก่
- รถเข็นเด็กอเนกประสงค์ (All-purpose stroller) รถเข็นอเนกประสงค์คือรถเข็นที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น พาลูกไปชมวิวรอบหมู่บ้าน หรือไปเดินห้าง ไม่สมบุกสมบันมากนัก
- รถเข็นเด็กสำหรับจ็อกกิ้ง (Jogging stroller) รถเข็นสำหรับจ็อกกิ้งนั้นแน่นอนว่าต้องหนัก และมีความคงทนมากเป็นพิเศษ ล้อจะต้องมีความแข็งแรงทนทานกับพื้นผิวถนนขรุขระ
- รถเข็นเด็กแบบน้ำหนักเบา (Lightweight stroller) แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบน้ำหนักเบาก็ต้องเหมาะกับการเดินทาง เวลาเดินทางขึ้นเครื่องจึงมักจะเป็นรถเข็นประเภทนี้ที่พกพาสะดวก พับง่าย ตัวบอดี้แคบกว่าปกติเพื่อให้ผ่านประตูหรือช่องทางต่างๆ ได้โดยง่าย
- รถเข็นเด็กแฝด (Double stroller) รถเข็นแฝดเหมาะกับครอบครัวที่มีลูกน้อยไว้ไล่เลี่ยกัน เป็นรถเข็นเด็กสองที่หนึ่งให้ลูกน้อยนั่ง แน่นอนว่าเมื่อมีที่นั่งเพิ่มมาอีกหนึ่งที่ ก็จะมีราคาสูงเป็นพิเศษ
ข้อควรระวังในการใช้งาน
รถเข็นเด็กหัดนั่งถูกผลิตออกมาให้เลือกสรรอยู่ในท้องตลาดมากมายหลายแบบ แต่ละแบบยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่บ้าง นอกจากการเลือกซื้อควรเลือกอย่างระมัดระวังแล้ว ในการใช้งานก็ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกัน
- อ่านคู่มือการใช้งานทุกครั้ง
- อย่าลืมว่าเด็กทารกอายุน้อยกว่า 5-6 เดือนนั้นจะยังไม่พร้อมที่จะนั่ง ต้องใช้รถเข็นที่สามารถปรับให้ลูกหลังราบ-ขนานไปกับพื้นได้ มีตัวซัพพอร์ตที่แน่นหนา
- รอจนกว่าลูกจะพร้อมนั่ง อย่าฝืนให้ลูกนั่ง
- สำหรับเด็กที่สามารถนั่งได้ด้วยตัวเองแล้ว ก็ไม่ควรให้ลูกนานเกิน 5-6 ชั่วโมงต่อวัน ออกมาเปลี่ยนท่าและผ่อนคลายอิริยาบถบ้าง
- ไม่เก็บของอันตราย เช่น วัตถุมีคม หรือวัตถุไวไฟไว้กับตะกร้ารถเข็น
- ไม่ปล่อยให้ลูกนั่งอยู่ในรถเข็นคนเดียว โดยไม่มีคนดูแล
สรุป
รถเข็นเด็กมีให้เลือกมากมายหลายแบบในท้องตลาด แต่ละแบบยังมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันให้เลือกสรรตามการใช้งานที่ต้องการ เมื่อเข้าใจหลักการในการเลือกซื้อแล้ว อย่าลืมเลือกแบรนด์ที่คุณสามารถไว้วางใจในคุณภาพได้นะคะ
Baby Hills Thailand เองตระหนักและใส่ใจถึงเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้านำเข้าของเรามาเป็นอันดับหนึ่ง เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเฉพาะแบรนด์ที่เราไว้ใจ ศึกษามาแล้วว่าได้มาตรฐานแน่นอนอย่าง Mountain Buggy ® คลิกเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Mountain Buggy ®