DATE
20.11.2023
หลายท่านคงทราบกันเป็นอย่างดี ว่าอุปกรณ์ Sefety ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกน้อยในการเดินทาง นั่นก็ก็คือ คาร์ซีท เพราะคาร์ซีทถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของเด็ก จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น ฉะนั้นควรเลือกซื้อคาร์ซีทด้วยความพิถีพิถัน และสิ่งสำคัญที่สุด ควรเลือกซื้อคาร์ซีทที่มีมาตรฐานรับรองความปลอดภัยสากลเท่านั้น
เนื่องด้วยคาร์ซีทคุณภาพยุโรปนั้นมีข้อกำหนดมาตรฐานรองรับอยู่ 2 ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ ECE R44 และมาตรฐานฉบับใหม่คือ ECE R129 ซึ่งเป็นข้อกำหนดความมาตรฐานความปลอดภัยของเด็กขณะเดินทางในรถยนต์ ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น
มาตรฐานความปลอดภัย ECE R129 หรือ I-Size
ข้อกำหนด ECE R129 หรือ i-Size ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ โดยเบื้องต้นทยอยแบ่งช่วงการนำมาใช้เป็น 3 ช่วง(Phase) ตามลำดับ
- ช่วงที่หนึ่งกำหนดคาร์ซีทแรกเกิด และคาร์ซีทเด็กเล็ก ให้ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX มีสายรัดนิรภัยที่สมบูรณ์ในตัว เช่น สายรัดนิรภัยแบบห้าจุด และจะต้องเข้ากันได้กับรถยนต์มาตรฐาน i-Size ทุกคัน ช่วงนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013
- ช่วงที่สองเป็นข้อกำหนดความปลอดภัยสำหรับคาร์ซีทเด็กโตที่มีส่วนสูงตั้งแต่ 100 เซนติเมตรขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่จะไม่ได้ใช้สายรัดนิรภัยแบบห้าจุดของคาร์ซีทแล้ว
- ช่วงที่สามเป็นข้อกำหนดสำหรับคาร์ซีทแบบอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงที่หนึ่งและช่วงที่สอง และทำให้ข้อกำหนด ECE R129 หรือ i-Size ครอบคลุมเสร็จสมบูรณ์
ข้อสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับ i-Size
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา แนะนำว่าทารก ควรนั่งแบบ Rear Facing (ใส่ Link เชื่อมบทความเรื่องนี้ค่ะ) หรือติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง เพราะในช่วงเดือนแรกเกิดของทารกนั้น คอของเด็กทารกนั้นไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักศีรษะได้จนกว่ากระดูกคอของเด็กจะมีความแข็งแรงเพียงพอ ดังนั้นเด็กทารกจึงควรนั่งหันหน้าเด็กเข้าหาเบาะรถยนต์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเมื่อกรณีเกิดการชนแบบแรงส่งไปด้านหน้า การให้เด็กนั่งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์จะทำให้ตัวเบาะคาร์ซีทช่วยรับศีรษะ คอ และลำตัวเด็กไว้ได้ ช่วยให้เด็กได้รับการปกป้องที่ดีกว่า ด้วยเหตุนี้จึงได้กำหนดให้เด็กแรกเกิดต้องนั่งคาร์ซีทโดยหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์จนมีอายุอย่างน้อย 15 เดือนขึ้นไป
การจัดแบ่งกลุ่มคาร์ซีท จะไม่แบ่งกลุ่มโดยใช้เกณฑ์น้ำหนักเด็ก แต่จะใช้ส่วนสูงของเด็กเป็นเกณฑ์ ซึ่งส่วนมากคุณพ่อคุณแม่จะจดจำส่วนสูงของลูกได้ดีกว่า ข้อนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยให้เลือกคาร์ซีทได้ถูกต้อง และเหมาะสมกับตัวเด็กได้มากที่สุด
คาร์ซีทมาตรฐานใหม่ i-Size ที่ออกมารุ่นใหม่ๆจะบังคับให้ต้องมีการทดสอบการชนด้านข้างเพิ่มเติม (มีการทดสอบการชนด้านข้าง การทดสอบการชนด้านหน้า การทดสอบการชนด้านหลัง)
คาร์ซีทมาตรฐาน i-Size จะต้องติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX เท่านั้นซึ่งเป็นข้อบังคับเพื่อลดความเสี่ยงในการติดตั้งไม่ถูกต้อง
คาร์ซีทมาตรฐาน i-Size จะต้องติดตั้งได้กับรถยนต์มาตรฐาน i-Size ทุกคัน และติดตั้งได้กับรถยนต์ที่มีระบบ ISOFIX โดยท่านสามารถตรวจสอบรถยนต์ของท่านว่าเป็นมาตรฐาน i-Size หรือไม่ ได้จากโลโก้บริเวณเบาะที่นั่งของรถยนต์หรือคู่มือกำกับรถยนต์
ความแตกต่างระหว่างระหว่างมาตรฐานความปลอดภัย ECE R129 และ ECE R44/04
ECE R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยล่าสุดที่ควบคุมการผลิตคาร์ซีทสำหรับเด็กซึ่งเปิดตัวในปี 2556 โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้เบะานั่งนิรภัยสำหรับเด็กกระชับขึ้น ให้การปกป้องที่ดีขึ้นจากผลกระทบจากแรงกระแทกด้านข้าง และให้เด็กนั่งหันหน้าเข้าหาเบาะให้นานมากยิ่งขึ้น
คาร์ซีท ECE R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดของความปลอดภัยของคาร์ซีทและบังคับให้อุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ECE R44/04 เป็นชุดมาตรฐานความปลอดภัยแบบเดิม