DATE
31.07.2020

โหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่อง อาจจะฟังดูยุ่งยาก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่ที่จริงแล้วไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ทำยังไงมาดูกัน!
โหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่อง อาจจะฟังดูยุ่งยาก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่ที่จริงแล้วไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องเข้าใจแนวทางการปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเองค่ะ
รถเข็นเด็กเล็กจำเป็นหรือ?
ในการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารกับลูกซึ่งยังเป็นเด็กเล็กนั้น แน่นอนว่ามีเรื่องให้ต้องเตรียมตัวเยอะมาก เช่น การพกพาอุปกรณ์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกอย่างรถเข็นเด็กไปสนามบินด้วย
แค่คิดภาพหลายคนก็อาจจะคิดหนักว่า เอ๊ะ ทำได้ไหม จะรบกวนผู้โดยสารหรือเปล่า หลายคนตัดใจคิดว่ายุ่งยาก ขออุ้มลูกตลอดทริป ขอบอกว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่ายุ่งยากค่ะ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราทำตามกฎและกติกาที่สายการบินระบุไว้
การพาลูกไปเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ จะอุ้มลูกตลอดเวลานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าจะมีคนคอยผลัดเปลี่ยนก็ตาม การมีรถเข็นเด็กนั้นจะทำให้คุณพ่อแม่สะดวกในการเดินทางมากกว่า มีความสุขกับการท่องเที่ยวได้มากกว่าด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรเลยที่จะพกพารถเข็นเด็กเดินทางไปด้วย แต่แน่นอนว่าจะให้สะดวกจริงๆ ควรเป็นรถเข็นที่พับได้นะคะ (รถเข็นที่จำหน่ายในปัจจุบันพับได้เกือบทุกคัน)
เอาหล่ะ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เราลองมาดูกันว่าการโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องนั้น มีอะไรบ้างที่เราต้องรู้
1. การโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่อง
รถเข็นเด็กก็คือสัมภาระชิ้นหนึ่งที่ไม่ต่างจากกระเป๋าเดินทางค่ะ ที่ต้องทำการโหลดเก็บไว้ใต้ท้องเครื่องเท่านั้น
แม้ว่าจะมีการอนุโลมว่าถ้าเป็นแบบที่พับได้ มีน้ำหนักและขนาดไม่เกินตามที่สายการบินกำหนดก็จะสามารถนำขึ้นไปบนห้องโดยสารและเก็บในช่องเก็บของเหนือศีรษะได้ แต่โดยมากแล้วไม่ค่อยมีใครนำขึ้นไปถึงห้องโดยสารค่ะ
นั่นก็เพราะว่าถึงแม้จะนำขึ้นไปก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดี นอกจากจะเพราะพื้นที่บนเครื่องก็ไม่ได้กว้างมากพอที่จะใช้ได้แล้ว อีกเหตุผลก็คือ รถเข็นเด็กนั้นช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณพ่อคุณแม่เมื่อต้องพาลูกเดินทางหรือเดินเป็นระยะทางไกลๆ การขึ้นไปบนเครื่อง จะเดินอย่างมากที่สุดก็แค่การเข้าห้องน้ำ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถเข็นเด็กค่ะ
Quick Tips: ก่อนโหลดขึ้นเครื่องให้เอาถุงพลาสติก หรือพลาสติก wrap คลุมตัวบอดี้ของรถเข็นไว้ก่อนก็ได้ค่ะเพื่อป้องกันเชื้อโรค เมื่อได้รับรถเข็นคืนก็ให้ลอก wrap ทิ้ง แล้วทำความสะอาดอีกที
2. การนำรถเข็นเด็กผ่าน Security Check ที่สนามบิน
สายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยการที่มีเด็กเล็กสามารถใช้รถเข็นเด็กไปจนถึงหน้าประตูเครื่องบินได้ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่เก็บรถเข็นแล้วนำไปเก็บไว้ใต้ท้องเครื่อง สำหรับใครที่ไม่ได้โหลดรถเข็นพร้อมกระเป๋า แต่เลือกจะใช้สิทธิ์ตรงนี้แทน ก็ต้องมีการนำรถเข็นเด็กผ่านขั้นตอน Security Check ที่สนามบิน
รถเข็นเด็กเล็กเองก็ต้องผ่านเครื่อง X-ray เช่นเดียวกับสัมภาระอื่นๆ ค่ะ เมื่อใกล้ถึงคิวของเรา ให้อุ้มลูกออกจากรถเข็น พับรถเข็นแล้วนำวางไว้พร้อมกับสัมภาระที่เราพกพาไปเพื่อผ่านเครื่องสแกนได้เลยค่ะ
3. การโหลดรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องตรงหน้า Gate (ประตูขึ้นเครื่อง) ที่เรียกว่า Gate Check
อย่างที่เราจำได้บอกไปข้างต้นนะคะว่า โดยมากแล้วสายการบินจะอนุญาตให้ใช้รถเข็นเด็กได้จนถึงแค่หน้า Gate หรือประตูเครื่องบิน จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่จะมาเก็บไปโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้จะเป็นสิทธิ์สำหรับผู้โดยสารเด็กหรือทารกค่ะ
ขั้นตอนตรงนี้คือ ตอนเช็คอินเพื่อโหลดสัมภาระชิ้นใหญ่ใต้ท้องเครื่องให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินว่ามีรถเข็นเด็กมาด้วย และเราต้องการเข็นไปโหลดที่หน้าประตูเครื่องบินแทนการโหลดพร้อมกระเป๋าสัมภาระชิ้นอื่นๆ (เรียกว่า Gate Check)
เราต้องไปถึงที่หน้า Gate ในช่วง Pre-boarding time ที่จะมีการประกาศเรียกผู้โดยสารเดินทางพร้อมเด็กเล็กนะคะ เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ จนถึงจุดที่มีแอร์โฮสเตสต้อนรับ ให้เราพับรถเข็นให้เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะมารับรถเข็นเด็ก ทำการติดแท็ก แล้วนำไปโหลดให้เราค่ะ โดยมากแล้วจะหน้าที่จะนำพลาสติกมาคลุมรถเข็นให้เราเป็นอย่างดีด้วยค่ะ
4. การนำรถเข็นเด็กขึ้นไปถึงห้องโดยสาร
ถ้ารถเข็นของเราสามารถพับได้ มีขนาดและน้ำหนักไม่เกินตามที่กำหนด รวมทั้งถ้าไฟลต์นั้นไม่ได้มีผู้โดยสารเบียดเสียดมากนัก ก็จะสามารถนำขึ้นไปบนเครื่องได้ (ซึ่งแล้วแต่นโยบายของแต่ละสายการบินด้วยอีกที) แต่วิธีนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะเมื่อเอาขึ้นไปก็ไม่สามารถใช้งานได้อยู่ดี แถมเป็นภาระให้กับคุณพ่อคุณแม่อีก คิดภาพตามนะคะว่า ถ้าต้องถือทั้งรถเข็นพับ แถมมีกระเป๋า carry-on พ่วงไปด้วย ลูกน้อยก็ต้องอุ้ม หลายสิ่งแบบนี้คงจะวุ่นวายแน่ๆ จึงควรตัดปัญหาด้วยการให้เจ้าหน้าที่นำไปโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องดีที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่ยืนยันว่าอยากจะนำติดตัวไปด้วยถึงห้องโดยสาร (หลังจากที่สายการบินอนุญาตแล้ว) ต้องทำความเข้าใจว่าสิทธิ์ตรงนี้จะกลายเป็นสิทธิ์ของผู้โดยสารที่เป็นผู้ปกครองไปแทนนะคะ ก็คือจะนับเป็นสัมภาระหนึ่งชิ้นที่พกขึ้นเครื่อง ไม่ต่างจากกระเป๋า carry-on ต่างๆ เมื่อต้องคิดคำนวณเรื่องข้อจำกัดใดๆ ก็จะต้องเอารถเข็นเข้าไปคำนวณด้วย ซึ่งตรงนี้จะต่างกับการมีเจ้าหน้าที่มีรับรถเข็นไปโหลดใต้ท้องเครื่อง ที่เป็นการอำนวยความสะดวกเพื่อเด็กทารกโดยเฉพาะ
5. การรับรถเข็นเด็กคืนหลังลงเครื่อง
หลังแลนดิ้งที่จุดหมายปลายทางเรียบร้อยและผู้โดยสารสามารถเดินออกจากเครื่องได้ โดยทั่วไปแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะนำรถเข็นเด็กมาส่งคืนให้ที่ประตูทางออกเหมือนเดิม หรือบางกรณีก็คืออาจจะให้รับที่จุดรับกระเป๋าเลย (แต่น้อยมาก) แล้วแต่สายการบิน สามารถสอบถามพนักงานให้แน่ใจอีกทีตอนกำลังติดแท็กโหลดรถเข็นก็ได้ค่ะว่าเราต้องไปรับรถเข็นเด็กคืนได้ที่จุดไหนเมื่อถึงสนามบินปลายทาง
จบกันไปแล้วกับ 5 เรื่องที่ควรรู้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เตรียมตัวพาลูกน้อยเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศได้อย่างคล่องตัว อย่าลืมเลือกรถเข็นเด็กที่มีความให้เหมาะสมตามช่วงวัย รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์คุณภาพด้วยนะคะ
คลิกเพื่อดูแคตตาล็อกคาร์ซีทจาก DAICHII